พนักงานประจำ แม่บ้าน นักศึกษา เจ้าของธุรกิจทำรายได้ หลักหมื่น-100,000 บาท/เดือน จากระบบการทำงานผ่าน Internet โดยใช้โปรแกรม Computer เพียงมีเวลาว่างวันละ 2-5 ชม/วันเท่านั้น คุณเองก็สามารถสร้างรายได้ 2,000 - 8,000 บาท/สัปดาห์ ด้วยวิธีง่ายๆผ่านระบบ INTERNET หากคุณ..เป็นคนหนึ่งที่จริงจัง และต้องการมีรายได้เสริมจากการทำงานผ่าน INTERNET เราพร้อมที่จะสอนคุณอย่างเต็มความสามารถด้วยระบบที่สุดยอดที่เรามีอยู่ในขณะนี้...
วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เคล็ดลับการออกกำลังกายที่จะช่วยลดความอ้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บางคนชอบออกกำลังกายอย่างหักโหม 2-3 ชั่วโมง บางคน 3-4 ชั่วโมงนั้น จะทำให้ร่างกายเหนื่อยเกินไป และเป็นการเพิ่มความเครียดให้กับร่างกาย ก็จะมีผลให้อ้วนง่าย ดังนั้นเราควรออกกำลังกายแค่พอเหมาะวันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วค่ะ
เคล็ดลับที่จะช่วยให้เราออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วนอย่างมีประสิทธิภาพได้แก่
1. ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เพราะถ้าออกกำลังกายมากเกินไป แทนที่ร่างกายจะฟิต กลับต้องสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปแทน ทำให้ลดความอ้วนยากขึ้นอีก
2. ก่อนออกกำลังกาย เราไม่ควรปล่อยให้ท้องว่างเกิน 4 ชั่วโมง เพราะไม่มีโปรตีนจากอาหาร แต่แทนที่จะเอาไขมันเก่ามาใช้ ร่างกายกลับดึงเอาโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้แทน ร่างกายก็จะลดการเผาผลาญลง ก็จะอ้วนง่ายขึ้น แถมยังไม่กระชับอีกด้วย ดังนั้นควรกินโปรตีนก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาทีเสมอ เช่น ไข่ต้ม+ผลไม้ หรือ นมพร่องมันเนย เป็นต้น หรือถ้าหลังอาหารมื้อหลักก็ควรรอสัก 1-2 ชั่วโมง เพราะขณะนั้นร่างกานยกำลังหลั่งโกรฮอร์โมน ซึ่งต้องใช้โปรตีนในการสร้างฮอร์โมนนี้ ซึ่งมันจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และกระตุ้นให้เอาไขมันสะสมออกมาเผาผลาญขณะออกกำลังกายอีกด้วย
3. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำผลไม้ ชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมปัง ชอกโกแลต ก่อนออกกำลังกายเด็ดขาด เพราะร่างกายจะเผาผลาญเอาแต่แป้งและน้ำตาลออกไปใช้แทน
4. ควรออกกำลังกายช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวัน เพราะเป็นการกระตุ้นการเผาผลาญพลงงานให้ทำงานได้ดีตลอดวัน
โรคฮิต เพราะผิดท่า! หมอนรองกระดูก
โรคนี้คือโรคที่เกี่ยวกับ "หมอนรองกระดูก"
บ้างก็ "เสื่อม" บ้างก็ "กดทับเส้นประสาท"
ทั้งนี้ "หมอนรองกระดูก" ก็ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของมนุษย์ มันคือชิ้นส่วนของร่างกายที่ทำหน้าที่ตั้งแต่รองรับน้ำหนัก ไปจนถึงรองรับแรง กระแทก โดยเป็นชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเปลือกหรือเยื่อหุ้มที่ชั้นนอก และมีส่วนที่เป็นสายหรือเส้นเนื้อเยื่อคล้ายวุ้นอยู่ด้านใน เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ ณ ตำแหน่งระหว่างปล้อง "กระดูกสันหลัง"
ร่างกายมนุษย์เรานั้นมีโครงกระดูกเป็นโครงร่างแข็งในการค้ำจุนและการเคลื่อน ไหว โดยร่างกายมนุษย์เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีกระดูก 206 ชิ้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามตำแหน่งที่อยู่ โดยที่ 126 ชิ้นจะเป็น "กระดูกระยาง" กระดูกที่ยื่นจากกระดูกแกนออกไป ได้แก่ กระดูกแขน-ขา กระดูกสะบัก กระดูกไหปลาร้า กระดูกเชิงกราน
อีก 80 ชิ้นจาก 206 ชิ้น จะเป็น "กระดูกแกน" กระดูกที่อยู่บริเวณกลางลำตัว ได้แก่ กะโหลกศีรษะ กระดูกก้นกบ กระดูกซี่โครง และรวมถึงกระดูกสันหลัง ซึ่งว่ากันเฉพาะในส่วนของกระดูกสันหลัง หนึ่งในกระดูกแกนที่สำคัญของร่างกาย จะมีหน้าที่ช่วยค้ำจุนและรองรับน้ำหนักของ ร่างกาย ประกอบด้วยกระดูกชิ้นเล็กๆ ลักษณะเป็นข้อๆ
แต่ละข้อของกระดูกสันหลังจะเชื่อมต่อกันด้วยกล้ามเนื้อและเอ็น และนอกจากนี้ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อก็จะมีแผ่นกระดูกอ่อนที่เรียกว่า "หมอนรองกระดูก" ซึ่งก็ "สำคัญ" เพราะคอยทำหน้าที่รองรับและเชื่อม ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อเ พื่อป้องกันการเสียดสีในขณะร่างกายเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนไทยมีปัญหาสุขภาพร่างกายจาก "หมอนรองกระดูก" กันมาก อันเนื่องจากหมอนรองกระดูกเกิดการเสื่อม การเคลื่อน การแตกหรือฉีกขาด แล้วกดทับเส้นประสาท โดยอาการที่จะเกิดขึ้นก็คือ "ปวด" ปวดหลัง ตะโพก ก้น ปวดร้าวลงสู่ขาบางข้างหรือทั้งสองข้าง ซึ่งโดยปกติหมอนรองกระดูกจะมีความแข็งแรง เพราะต้องมีหน้าที่ช่วยรองรับแรง กระแทก รองรับน้ำหนัก แต่มันก็สามารถจะเสื่อมหรือเสียหายบาดเจ็บได้ ไม่ว่าจะด้วยวัยที่สูงขึ้น หรือจากการเกิดอุบัติเหตุ แต่ในยุคปัจจุบันนั้น . . . สาเหตุมีเพิ่มมากขึ้น เสี่ยงมากขึ้น
ด้วยสภาพการใช้ชีวิต สภาพการทำงานของผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนในเมืองวัยทำงาน นี่ก็อาจเป็นสาเหตุของหมอนรอง กระดูกเสื่อม-กดทับเส้นประสาทได้ง่ายๆ ซึ่งนอกจาก "เคลื่อนไหวร่างกายไม่ถูกท่า-ไม่ถูกวิธี" การ "ก้มตัวยกของหนัก" การ "ออกกำลังกาย" "นั่งทำงานนานๆ" หรือแม้แต่นั่งท่องโลกอินเทอร์เน็ตหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็เป็นสาเหตุได้ !!
ทั้งนี้ กับสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่านับวันมนุษย์รุ่นใหม่ๆ จะป่วยด้วยสาเหตุจากปัญหา "หมอนรองกระดูก" สูงมากขึ้น ก็คือการที่วงการแพทย์ต้องคิดค้นพัฒนาวิทยาการ-อุปกรณ์ใหม่ๆ ในการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น
กับการรักษา "หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท" แนวทางใหม่ๆ นั้น นพ.ธีรศักดิ์ พื้นงาม หัวหน้าศูนย์ระบบประสาทไขสันหลัง เครือโรงพยาบาลพญาไท ให้ความรู้ความเข้าใจว่า... ปัจจุบันแพทย์จะมีเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Spine) ช่วยในการตรวจวินิจฉัย-ตรวจหาความผิดปกติของหมอนรองกระดูกในผู้ที่มีอาการ ต้องสงสัย ซึ่งถ้าพบว่าสาเหตุเกิดจากหมอนรองกระดูกก็จะวางแผนการรักษา
สำหรับในการรักษาปัจจุบันก็มีพัฒนาการสูงขึ้นโดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด (Non Opening Surgery) ซึ่งมี 2 แบบคือ . . . หากมีภาวะของหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทไม่มาก สามารถรักษาด้วยรูปแบบนิวคลีโอพลาสตี (Nucleoplasty) ซึ่งจะไม่มีแผล รักษาแล้วกลับบ้านได้เลย เพราะใช้เข็มขนาด 2.5 มม. สอดเข้าในหมอนรองกระดูกที่มีปัญหา แล้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ ซึ่งจะเกิดความร้อนที่ปลายเข็ม จะสลายหมอนรองกระดูกส่วนหนึ่งออกไป
กรณีปวดหลังเรื้อรังและปวดร้าวลงขา เนื่องจากหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง จะรักษาโดยใช้กล้องขนาดจิ๋วเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 มม. หรือกล้องเอ็นโดสโคป (Endoscope) เจาะและสอดกล้องผ่านใยกล้ามเนื้อไปยังจุดที่มีปัญหา โดยใส่เครื่องมือผ่าตัดผ่านกล้องเข้าไปตัดหมอนรองกระดูกโดยตรง ไม่ต้องเลาะกล้ามเนื้อหรือตัดกระดูกสันหลัง แผลจะมีขนาดเล็กเพียง 8 มม. ผู้ป่วยจะฟื้นตัวเร็ว ระยะในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจะสั้น
อย่างไรก็ดี นพ.ธีรศักดิ์บอกว่า หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทนี้ เมื่อรักษาแล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หากผู้ป่วยไม่ปรับพฤติกรรม ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องปวดหลัง คือ "การป้องกันไม่ให้เกิด"
"หลักสำคัญของการป้องกันคือ พยายามจัดท่าทางการทำงานหรือกิจวัตรประจำวันให้ถูกต้อง ต้องให้แนวกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงเสมอ และหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ใช้กล้ามเนื้อหลังมากๆ รวมถึงหมั่นบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงไว้เสมอ เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่คอยตรึงแนวกระดูกสันหลังไม่ให้เคลื่อนไหวมากเกินไป" ...หัวหน้าศูนย์ระบบประสาทไขสันหลังให้คำแนะนำที่อย่ามองข้าม
ยุคนี้ไปทางไหนก็ได้ยินคนป่วยเพราะ "หมอนรองกระดูก"
วงการแพทย์ได้ "พัฒนาวิธีการรักษา" ที่มีประสิทธิภาพสูง
แต่ก็เหมือนกับทุกโรค . . . คือ "ป้องกันไม่ให้เกิดดีที่สุด !!!"
ไขข้อข้องใจ กับ 9 ความจริงของระบบเผาผลาญร่างกาย
"การทำงานของระบบเผาผลาญของมนุษย์เรา เป็นกระบวนการทางเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกาย ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หายใจได้ การสูบฉีดเลือดคล่องตัว ส่งเสริมการทำงานของสมองและเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน แต่ถ้าพูดถึงอัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐานนั้น จะหมายถึงจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ไปในแต่ละวัน เพื่อสนับสนุนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายนั่นเองค่ะ" แพทย์หญิงซูซาน โบเวอร์แมน ผู้เชียวชาญด้านวิทยาศาสตร์ อาหารและโภชนาการ ให้สัมภาษณ์กับ Health plus ต่อประเด็นที่หลายคนอยากจะถาม โดยเฉพาะระบบเผาผลาญที่ดี จะช่วยให้คุณผู้หญิงฟิตและเฟิร์มแลดูเป็นสาววัยยี่สิบอีกครั้งได้อย่างไร
จริงหรือไม่ … เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้การเผาผลาญแคลอรี่ลดลง
เมื่อเราอายุมากขึ้น น้ำหนักตัวก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมีการออกกำลังกายน้อยลงกว่าเดิม ส่งผลให้มีการเผาผลาญแคลอรี่ลดลงในแต่ละวัน ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อลดลง รูปร่างจึงหนาขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการบริหารกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด เพื่อให้มีการเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น รวมทั้งการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อจะช่วยควบคุมการเพิ่มขึ้น ของน้ำหนักที่เกิดจากวัยที่สูงขึ้นได้เป็นอย่างดี
จริงหรือไม่ … ระบบการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายของเราไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
บางคนโชคดี ที่สามารถทานอาหารได้ตลอดเวลาโดยที่น้ำหนักไม่เพิ่ม ซึ่งอาจมาจากการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและมีแคลอรี่ต่ำก็ได้ หรือบางทีร่างกายอาจจะมีการเคลื่อนไหวอยู่บ่อยๆ ดังนั้น หากคุณต้องการให้ร่างกายของคุณมีการเผาผลาญได้มากขึ้น เพียงคุณเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อใช้กล้ามเนื้อมากขึ้นในระหว่างวัน ก็จะช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
จริงหรือไม่ … เครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีขึ้น
ผลจากการปฎิบัติการทดลอง พบว่า ผู้ที่บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มเย็นจะมีการเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้นเล็ก น้อย (เพิ่มขึ้นประมาณวันละ 10 แคลอรี่)โดยการเผาผลาญแคลอรี่ดังกล่าวมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ซึ่งแทบไม่มีผลต่อการทำให้น้ำหนักลดลงเลย
จริงหรือไม่ … การลดการบริโภคแคลอรี่ ทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญช้าลง
ตามธรรมชาติแล้ว ร่างกายจะทำหน้าที่เก็บรักษาแคลอรี่ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การลดการบริโภคแคลอรี่จะทำให้แคลอรี่ที่สะสมในร่างกายลดลง ส่งผลให้อัตราการเผาผลาญแคลอรี่ลดลงตาม แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ถ้าเรามีการเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง ก็จะทำให้เรามีน้ำหนักตัวลดลง โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเผาผลาญในร่างกายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ควรทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการบวกกับออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายมีอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ตามปกติ
จริงหรือไม่ … เมื่องดบริโภคอาหารในตอนกลางคืนช่วยลดน้ำหนักได้
การหยุดบริโภคหลังมื้ออาหารปกติจะส่งผลให้มีน้ำหนักตัวลดลง เนื่องจากการบริโภคให้แคลอรี่โดยรวมลดลง ไม่ใช่เกิดจากการบริโภคที่ให้แคลอรี่เร็วกว่าเดิม ดังนั้น การบริโภคอาหารเพื่อให้ได้รับแคลอรี่ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จึงไม่มีผลให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น เว้นแต่คุณจะบริโภคอาหารที่ให้แคลอรี่ในปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการของ ร่างกาย คุณก็จะสามารถลดน้ำหนักได้
จริงหรือไม่ … ทานอาหารประเภทโปรตีนเป็นประจำช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้นได้
อัตราการเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งหมายถึงปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญในระหว่างที่เรานอนหลับมีความ สัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีวิธีที่ดีที่สุดที่เราควรทำคือ การทานอาหารที่มีโปรตีนสูงอย่างพอเพียงอย่าง ปลา เป็ด ไก่ ไข่ขาว นมขาดมันเนย รวมถึงโปรตีนจากถั่วเหลืองเช่น โปรตีนเกษตร เต้าหู้ และอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงระบบการเผาผลาญของร่างกายจะมีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้น
จริงหรือไม่ … การทานอาหารเสริมมีผลต่อการเผาผลาญ ร่างกายทำให้ดูแก่ก่อนวัยหรือไม่
ผลจากการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะช่วยให้กระบวนการเผาผลาญมี ประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่บริโภคการรับประทานอาหารอย่างถูกส่วนต้องเป็นอาหาร ที่มีปริมาณโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และไขมันเพื่อสุขภาพ อาทิ ไขมันจากปลาและถั่ว อย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้เราดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ปัจจุบัน มีผู้บริโภคจำนวนมากบริโภคผลิตภัณฑ์อาการเสริมวิตามินรวม เกลือแร่ และน้ำมันปลา เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารสำคัญเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน
จริงหรือไม่ … ถ้าระบบเผาผลาญร่างกายดี รูปร่างหน้าตาก็จะดูอ่อนกว่าวัยด้วย
หนึ่งในวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญในร่างกายที่ดีที่สุด คือ การสร้างเสริมกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยลดไขมันและทำให้มีรูปร่างที่สมส่วน ซึ่งก็จะส่งผลให้เราแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย สำหรับผู้หญิงไม่ควรกังวลว่า การออกกำลังกายจะไปเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แล้วกล้ามเนื้อจะใหญ่ขึ้น แต่ในทางกลับกันยิ่งจะทำให้มีรูปร่างบาง กระชับสมส่วนและดูอ่อนเยาว์ขึ้นต่างหาก
จริงหรือไม่ … เมื่ออายุเลยเลข 30 ระบบเผาผลาญร่างกายก็ยิ่งลดลงตามไปด้วย
อัตราการเผาผลาญในร่างกายจะชะลอตัวลดลงตามอายุที่มากขึ้น เนื่องจากออกกำลังกายน้อยลง เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือออกกำลังกายน้อยลง จึงทำให้เกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อที่หนาแน่นเป็นปัจจัยสำคัญ ต่อมาการเผาผลาญแคลอรี่ ทั้งยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเผาผลาญแคลอรี่มีปริมาณลดลงในแต่ละวัน วิธี การแก้ไขปัญหานี้ก็คือ ทานอาหารที่มีโปรตินในปริมาณที่พอเพียงและออกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่ง เช่น เต้นแอโรบิค เดินวิ่ง เหยาะๆ ว่ายน้ำและอื่นๆ ก็จะยิ่งทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้ดีขึ้น รูปร่างก็จะดูสมส่วนและสมวัยด้วย
วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การจัดการด้านการเงิน
ทั้งหมดมาจากประสบการณ์ในการ “ทำ” ธุรกิจ HBL ของโอโดยตรง
บางทีมันอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดนะคับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ปรับทัศนคติเรื่องเงินก่อนนะคับ
รวยมี 2 แบบ คือ รวยเพราะมีมากเกินพอ กับ รวยเพราะมีความพอเพียง
จนมี 2 แบบ คือ จนเพราะมีไม่พอ กับ จนเพราะไม่รู้จักพอ
เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง...นอกเสียจาก ว่าเราจะไม่มีมัน
“ วินัย ” คือสิ่งสำคัญที่สุด ที่เราต้องใช้ในการจัดการการเงิน
เราต้องคิดว่าเงินเป็นสิ่งดี เราจึงจะดึงดูดเงินเข้ามา ถ้าเราคิดว่าเงินไม่ดี เราก็กำลังจะผลักเงินออกไป
ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไร “ถูก” หรือ “แพง” มีแต่ “คุ้มค่า” หรือ “ไม่คุ้มค่า ”
ดังนั้น อะไรบางอย่างที่เราคิดว่า “ แพง ” จริงๆแล้วมันไม่ได้แพง เพียงแต่เรามีเงินไม่มากพอที่จะซื้อมันเท่านั้นเอง
ขั้นตอนการจัดการการเงิน
1. ทำงบการเงิน (บัญชีรายรับ-รายจ่าย) เพื่อให้เรารู้สถานการณ์การเงินของเรา
ใช้อะไร จ่ายอะไร เขียนมาให้หมด ไม่สำคัญว่ามากหรือน้อย
ถ้าเรารู้ว่า เรามีปัญหาทางการเงินตรงจุดไหน เราก็สามารถจัดการกับมันได้ทันการณ์
และนั่น.....เป็นเหตุผลที่เราต้องทำ “งบการเงิน” (เพื่อทราบปัญหา)
2. ต้องรู้ว่า ถ้าเราจะรวยได้ “ รายรับต้องมากกว่ารายจ่าย ”
ดังนั้นเราสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะทางการเงินของเราได้ 3 วิธี
2.1 เพิ่มรายรับ ( ในHBL เรากำหนดได้ ขึ้นอยู่กับ “ปริมาณ” การลงมือทำ )
2.2 ลดรายจ่าย (เรากำหนดได้ด้วยตัวเราเอง)
2.3 ทำทั้ง 2 อย่าง พร้อมๆกัน
3. จ่ายเงินให้กับตัวเองก่อน 10 % (ออมเงิน 10 % ของรายได้เสมอ)
คนส่วนใหญ่ชอบพูดว่า “ไว้มีรายได้มากกว่านี้อีกหน่อย แล้วฉันจะเก็บเงิน ”
แล้วสุดท้ายเขาก็ไม่ได้เก็บเงินไปจนสิ้นชีวิต
ถ้าเราไม่เก็บเงิน (ไม่จ่ายให้กับตัวเองก่อน) เราก็เหมือนทำงานฟรี และถังแตก
จ่ายให้ตัวเองก่อนจ่ายหนี้
จ่ายให้ตัวเองก่อนจ่ายให้คนอื่น
จงทำงานเพื่อบัญชีเงินฝากของเราเอง
คนส่วนมากไม่เข้าใจว่า เขาจะ “เก็บเงินไปทำไม”
เขาก็จึงไม่ได้เก็บ เพราะมันเป็นเรื่องที่ “ ไม่จำเป็น ” และ “ไม่ถูกตัด”
ไม่เหมือนจ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าไฟ ค่าน้ำ ฯลฯ พวกนี้ ไม่จ่าย “ถูกตัด”
ถ้าเราเข้าใจว่าทำไมต้องเก็บ การเก็บเงินจะเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด
ทั้งต่อ ปัจจุบัน และ อนาคต
เราเก็บเงินไปเพื่อลงทุนต่อ แล้วจึงเก็บเกี่ยวผลของการลงทุนนั้น มาใช้ได้ตลอดชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด
(ไว้มีเงินเก็บจากการทำธุรกิจประมาณ100,000บาท ในบัญชี เราจะคุยกันอีกครั้งในเรื่องนี้ อย่าลืมทวงถามแล้วกันนะคับ)
เราต้องไม่เป็นแค่ “ นักเก็บเงิน ” แต่เราเก็บเงิน ก็เพื่อจะกลายเป็น “ นักลงทุน ”
ข้อแตกต่างระหว่าง “ นักเก็บเงิน ” กับ “ นักลงทุน ” คือ ความเร็วในการทำให้เงินโตขึ้น
สิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก คือ “ ดอกเบี้ยทบต้น ”
แล้วคุณเลือกรับดอกเบี้ยทบต้น จาก “เงินลงทุน” หรือ “หนี้”
มันเป็นตัวเลขที่มหาศาลทั้งนั้น
4. ชำระหนี้สินก่อน จ่ายเพื่อซื้อของใหม่
ไม่ชำระหนี้ ก็ไม่มีทางมั่งคั่ง
ถ้าเราติดลบ (-) สิ่งแรกที่เราควรทำคือ ทำให้มันเป็นศูนย์ (0)
และจากนั้น เราจะสามารถทำให้มันเป็นบวก (+) ได้
อะไรที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว ก็จ่ายก่อนเลย
ซื้อของแต่เงินสด อย่าซื้อด้วยความสบายปัจจุบัน แล้วยัดเยียดภาระให้กับอนาคต
แต่ถ้าซื้อผ่อนไปแล้ว อย่ามีของที่ต้องผ่อนในระยะเวลาเดียวกัน เกิน 2 ชิ้น
ง่ายๆ กับการจัดการการเงินใน HBL
เมื่อขายของได้ แบ่งเงินเป็น 4 ซอง
1. ต้นทุน 50 % ซื้อ Stock คืนในคลังสินค้าของเราเอง
2. 10% จาก “กำไร” ------- เงินเก็บ (จ่ายให้ตัวเองก่อน)
3. 30% จาก “กำไร” ------- ลงทุนกลับในธุรกิจ (อบรม ,ซื้อรายชื่อ, ลงโฆษณา, ค่าเดินทางธุรกิจ, ค่าส่งของ , อื่นๆ)
4. 60% จาก “กำไร” ------- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าผ่อน ค่าอาหาร และหนี้ต่างๆ)
สาธุ..สาธุ ใครทำได้ขอให้ร่ำรวย ๆ ๆ ๆ ครับ.
Work@Home
Home Bussiness System หรือระบบการทำงานจากที่บ้าน
“ ใช้เวลาว่างของคุณไปกับงานเสริมนอกเวลา
เริ่มต้นธุรกิจที่ให้รายได้ตอบแทนอย่างไม่มีขีดจำกัดจากที่บ้านของคุณเอง “
ใครๆ ก็สามารถทำธุรกิจนี้และมีรายได้เสริมได้
ระบบ ของเราได้รับการทดลองใช้และได้ผลมาแล้ว มาจากผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น แม่บ้าน แพทย์ พยาบาล ช่างประปา นักการบัญชี เลขานุการ และผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ อีกมากมายตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจของเรา
คุณจิรวัฒน์ และ คุณปุณณดา วงศ์วิวัฒน์ไชย
อดีต เคยเป็นพนักงานประจำบริษัทมหาชน เหนื่อย เครียด มีปัญหาสุขภาพ ได้รับโอกาส ให้รู้จักกับระบบ 60MM เรียนรู้ง่าย เริ่มจากการใช้เวลาหลังเลิกงานวันละ 2 ชม. สร้างรายได้เสริมเดือนแรก 8,000 บาท จึงคิดจริงจังที่จะสร้างธุรกิจที่มั่นคง และให้อนาคตที่ดีกับลูก โดยใช้ระบบสนับสนุน และเรียนรู้ทุกๆอย่าง ปัจจุบันทำ ธุรกิจมา 5 ปี เราสองคนลาออกจากงานประจำที่ทำมามากกว่า 8 ปี ยิ่งทำธุรกิจยิ่งมี ความสุข เพราะรู้สึกว่าชิวิตมีคุณค่ามากขึ้นเรื่อยๆ สนุก ไม่เครียด มีเพื่อนที่ ดี เดินทางอบรมกับธุรกิจทั้งในและต่างประเทศมาไม่ต่ำกว่า 7 ประเทศ ชอบธุรกิจ นี้ที่มุ่งเน้นพัฒนาตัวเรามากที่สุด รายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 80,000 – 150,000 บาท และมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
คุณนฤมล ศรีตูมแก้ว
ดิฉันชื่อ นฤมล ศรีตูมแก้ว ชื่อเล่นชื่อ นัท ดิฉันรู้จักธุรกิจนี้เพราะพี่สาวกับพี่เขยแนะนำ (คุณเบญจมาศ ศรีตูมแก้ว และ Mr. Simon Brown ซึ่งคุณจะได้รู้จักใน VCD ชุด ข้อมูล) ดิฉันเคยเป็นนักข่าวประจำวารสารฉบับหนึ่ง เมื่อก่อนดิฉันไม่ค่อยสนใจที่จะเริ่มธุรกิจเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นอยากทำงานเป็นนักข่าวให้ดีที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไปดิฉันเริ่มเห็นว่าอนาคตของการเป็นลูกจ้างมันไม่แน่นอน ไม่มีอิสระภาพในการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง การเป็นเจ้าของธุรกิจเท่านั้นที่จะให้ความมั่นคงกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเวลาและการเงิน ดิฉันจึงตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นรายได้จากธุรกิจนี้ก็แซงเงิน เดือนที่ดิฉันเคยได้รับจากการเป็นนักข่าวแล้ว ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นจริงๆกับโอกาสและอนาคตของตัวเอง ปัจจุบันนี้รายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 25,000 บาท
วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553
Home Bissiness system
|